ดูหนังพี่ตูนรอบสื่อ #เชื่อบ้ากล้าก้าว
การไปพบปะผู้คนในแวดวงบันเทิงมักจะช่วยเติมไฟในการทำงาน
ได้พบปะพี่น้องที่กำลังขมักเขม้นทำนั่นทำนี่ มันก็ทำให้จุดประกายในใจ ตัวเอง และยังได้ถามไถ่ข่าวคราว ไม่ต้องมานั่งนัดหมายเอง เพราะตัวงานกับคนประสานงาน ช่วยนัดให้บุคคลมากมายที่สนใจงานแขนงนั้นๆมาพบกัน โดยอัตโนมัติ
แต่หลายครั้งก็ต้องปฏิเสธน้ำใจของผู้เชิญ
เพราะว่าบ้านไกล นั่นยังไม่เท่าไหร่ เพราะบางทีเขาเชิญไปหาดใหญ่ก็ยังไป
ที่ลำบากใจ คือตอนดูเสร็จแล้วจะมีกล้องมารอจ่อ ให้ช่วยบอกความรู้สึกที่ได้ชม และ เหนืออื่นใดคือช่วยเชิญชวนให้คนอื่นมาชมด้วย
ถ้าสิ่งที่ชมไปถูกอกถูกใจ ก็ดีที่ได้พูดระบายบอกออกไป
แต่ไอ้ครั้นที่เพิ่งจบลงนั้นกระอักกระอ่วนใจ ก็ยากที่จะพูดตรงๆออกไป
หลังๆก็เลยเลี่ยงรอบสื่อ เพราะกลัวตัวเองตั้งหลักไม่ทัน ว่าควรจะพูดอะไร
และแม้แต่พูดอะไรที่คิดว่าดีๆออกไป แต่พอเขาตัดไปให้คนเห็นมันอาจสั้นกระจุ๊ดจู๋และไม่ได้ประเด็น
แต่หนังวิ่งบ้ากล้าก้าว เป็นกรณียกเว้น เบื้องต้นเขาจะจัดรอบให้คนดูฟรี ซึ่งแค่คิดว่าต้องไปเข้าคิว เพื่อดูฟรี จะมีปัญญาได้ดูหรือ
ดังนั้นถ้ามีรอบแบบสื่อดูฟรีแบบมีที่นั่งอันนี้น่าจะเหมาะกว่า
…………………..
หาได้คิดไหมว่าที่นั่งที่เขาจัดให้นั้นโคตรจะวีไอพี มีป็อปคอร์นสารพัดรส
พร้อมน้ำดื่ม ที่ถูกใจคือผ้าห่ม และเก้าอี้เอนนอน ซึ่งถ้าหนังน่าเบื่อจะได้นอนหลับให้สบาย
หนังตูนไม่มีช่วงเวลาที่ชวนกรนแต่อย่างใด
อย่างน้อยก็เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ผมไม่หลับตอนกลางๆ
แม้เส้นเรื่องคือการวิ่งจากเบตง ไปแม่สาย ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าไม่มีใครตาย ไม่ต้องลุ้นว่าจะวิ่งถึงไหม
แต่ในความเป็นหนัง เขาก็ยังหาโน่นนั่นนี่ มาสลับกับการวิ่ง ให้เราเบิกบาน ยิ้มร่า น้ำตาริน และแอบลุ้นไปกับภารกิจที่เหมือนจะเสร็จสิ้นไปแล้ว อีกครา
………………..
ความรู้สึกดีต่อหนังเรื่องนี้ คือ การเก็บบันทึกประวัติศาสตร์อันนี้ไว้ให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นบทเรียนที่จะ เตือนใจสอนใจ ไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าตัวเงินที่ได้มา เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สิ่งนี้ย่อมจะมีคุณค่ามากมายมหาศาล
ตัวอย่างเช่น ตัวผมซึ่งมีโอกาสเป็นคนสอนแต่งเพลง
พอเห็นหนังช่วงที่มีการเก็บการร้องเพลงของเด็กชายการ์ตูน ในวัยเยาว์ ซึ่งร้องเพลงมาแต่เล็ก ผมก็อยากให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เห็นว่า นั่นเอ็งเห็นไหม เขาสนใจเพลงหลากหลาย เขาจึงมาค้นพบความหมายของเพลงในแบบเขา
ไม่ใช่ว่าเราชอบใคร เราจะฟังแต่เพลงคนนั้น จะทำท่า จะแต่งตัว เลียนแบบเขา แล้วเราจะเจอตัวเองหรือ
ฟังดช.การ์ตูน ร้องเพลง สบายๆ นางงามตู้กระจก และบ้านทรายทอง
ผมชอบมากแม้มันจะเป็นช่วงเอนเครดิตของหนัง
………………..
ส่วนเนื้อในมันก็ฉ่ำไปด้วยพลังเหงื่อ และทีมงาน ที่ช่วยกันโอบอ้อมประคอง ตูนให้บรรลุเป้าหมาย มีอารมณ์ขัน มีดราม่า มีปรัชญาครบครัน
ขาดก็แต่เลิฟซีน ทีมงานคงตัดรักซึ้งออกเสียหมด
(มันน่าจะมีนางเอก มาซับเหงื่อถูขี้ไคลอะไรบ้าง )
มีแต่ฉากแบบเข็มแทง ให้น้ำเกลือ และห้องผ่าตัด
ชีวิตในรถตู้ กลับเป็นชีวิตที่น่าสนใจ การวางแผนงาน การปรับแผน การอารมณ์เสีย และการยืนหยัดในเจตนารมณ์อันแรงกล้า
แม้กระทั่งคำพูดที่ทีมงาน คุยกับพี่ตูน ว่าอ้าว อยากจะทำแบบนี้ ผมยอมพี่ก็ได้
แต่พี่ตูนไม่ยอม บอกว่า พูดแบบนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ยอม เพราะมันจะเหมือนกับว่า เอ็งยอมเพราะพี่ดื้อรั้น แต่นี่มันคือการพยายามทำงานให้ดี และทีมงานควรจะยอมรับและเห็นดีด้วย ไม่ใช่แค่เอ่ยว่า อ้าวยอม
นี่เป็นภาพตูนที่ผมเห็นว่าสะท้อนจิตด้านในของเขาชัดสุดๆ
แซงหน้าฉากวิ่งเข้าเส้นชัย ซึ่งใครๆก็รู้อยู่แล้ว ไปอย่างขาดลอย
…………………….
สิ่งที่ผมได้รับจากหนัง นอกจากป็อปคอร์นและผ้าห่ม
หนังเรื่องนี้ ไม่ได้ทำให้อยากวิ่ง อยากไปหาเงินบริจาค แต่ทำให้เราอยากทำอะไรให้สังคม ในแบบที่เราศรัทธาแบบนั้นบ้าง
อยากให้ตัวเองมีแววตาแห่งความสุขที่ได้สิ่งที่ตัวรักและส่งผลต่อคนอื่นแบบนั้น อยากอยู่ท่ามกลางทีมงานที่ ช่วยวางแผนประคับประคอง เฝ้ามองและพร้อมจะช่วย กลมกล่อมกลมเกลียว ถึงขนาดที่เวลาล้อก็สามาถเอาเท้าถีบหน้ากันได้
………………..
ผมเคยเกือบจะขึ้นไปบนรถตู้ตอนที่พี่ตูนจอดอยู่ หน้าวัดพระธาตุนครศรีฯ น้องๆทีมงานที่สนิทกัน บอกพี่ขึ้นไปเยี่ยมให้กำลังใจพี่ตูนบนรถสิ ผมบอกว่า อย่าเลย เกรงใจคนจะพักผ่อน เขาคงอยากนอนและพักให้นานที่สุด
ผมยังรู้จักเกรงใจ แต่พี่ตูนกลับไม่เกรงใจผม ดูหนังเสร็จ หลังจากทักทายคนโน่นนี่ถ่ายเซลฟี่ไปหลายร้อยหลายพัน ยังเดินมาสวัสดี มาถ่ายรูป มายืนคุย อย่างมีสมาธิ ทำตัวเหมือนมีเราคุยกันสองคน สายตาที่มองแบบโฟกัสไม่วอกแวกสนใจฟังทุกถ้อยคำที่ที่ผมอยากบอก
ผมได้ฟังในสิ่งที่เขาคิด ได้ยินสิ่งที่เขาคิดดังๆ นอกจากที่ได้ยินได้ฟังในหนัง
ได้ฟังแล้วยิ่งชื่นใจ
บรรยากาศทั้งในและหน้าโรงหนัง ทำให้นอนไม่หลับ
แม้จะกลับถึงบ้านเที่ยงคืนกว่า แต่ก็ไม่หลับด้วยความปิติในหัวใจ
……………………………………
หมายเหตุ เราสองคนคุยกันว่าอะไร
ขอไปเขียนอีกตอนนะ
#ไม่อยากให้ยาวกลัวมันจะย้วย
หนึ่งความเห็น