นิตยสาร GM สัมภาษณ์ศุ บุญเลี้ยง ไว้สองครั้งสองครา
ต่างวาระ ต่างเวลา เมื่อถึงคราที่จะจัดพิมพ์ หนังสือ วิทยากวน
ได้ขออนุญาตนำมาเพื่อเผยแพร่
แต่มีความยาวของบทสัมภาษณ์ จึงตัดทอนบางส่วน
นอกจากในหนังสือ มาวางให้อ่าน ณที่นี้
(เป็นการทดลอง จัดวาง และจะมีเพิ่มเติม เป็นระยะ)
เมื่อวรพจน์ พันธ์ุพงศ์ ถามถึงผลงาน
ศุ บุญเลี้ยง : มันปลื้มใจเลยแหละ เป็นปีติซึ่งคุณค้นพบได้ในวันที่สร้างงานสำเร็จและลงตัว คุณได้ทำสิ่งที่คุณรักและมีคนรักในสิ่งที่คุณทำ มันปลื้มปีติ ศิลปินน่ะไม่ใช่ว่าใครก็เป็นกันได้ง่ายๆ คนเป็นเศรษฐีมีเยอะเลย คนอยากหาเงิน เล่นหุ้น ลงทุนร่วมกัน เทกโอเวอร์ นั่นอาจทำได้จริงๆ มีคนทำได้มาก แต่คุณอยากเป็นศิลปินแล้วไม่ใช่จะเป็นได้นะ ถูกไหม แต่ผมเป็นได้โว้ย และไม่ขาดทุนด้วย ผมคิดแบบนี้ และมันก็นำความชื่นใจไม่รู้จบมาให้ตัวเอง ผมอิ่มเอิบในงาน ในการนำเสนอ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่คิดเรื่องเงิน คิดหาเงินอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องหลัก นอกจากว่าจะมีใครจ้างผมหาเงิน ชวนผมทำธุรกิจ ผมว่าวิธีคิดผม วิธีขายผมก็ไม่ธรรมดา คิดแล้วหนาวเหมือนกัน แม้ว่าที่ผ่านมา หัวธุรกิจผมก็มีอยู่ แต่ผมมุ่งไปสร้างงานศิลปะมากกว่า
GM : มีอยู่ แต่ยังไม่ได้ใช้ มุ่งไปอีกทางหนึ่ง
ศุ บุญเลี้ยง : ใช่ เวลาหลับแล้วก็ลืมน่ะ ตอนมีคนมาชวนคุย ผมก็คิด หาทางหาเงิน แต่พอล้มตัวลงนอน ผมก็ลืมหมด ใจมันไปเรื่องหนังสือหรือเรื่องเพลง สิ่งที่เราหลับๆ ตื่นๆ และยังคิด นั่นคือความจริงไง แต่ในที่ประชุม ให้คิดการตลาด ผมคิดได้ แต่พอหลับ ตื่นมา มันไม่คิดแล้ว ต้องถูกอย่างอื่นกระตุ้น ไม่ได้อยู่ในตัว ไม่ได้อยู่ในตัว ไม่ได้อยู่ในเลือด อยู่ในหัวสมองแค่ชั่วครู่ชั่วยาม ถ้ามีใครมาให้คิดเรื่องหาเงิน ผมว่าผมคิดได้ คิดไปขายไป พานจะรวยกันเอาด้วย ใครมาคุยเรื่องค้าขาย ผมชอบฟัง มันคงเป็นสิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ใช่ ผมว่าอย่างนั้นนะ ทำไมร้านนี้ขายได้เท่านี้ ถ้าเอาไปวางร้านนี้จะขายได้เท่าไร ราคาเท่านี้จะดีกว่าไหม อันนี้แถมกับอันนี้ดีไหม คิดได้ แต่ไม่ได้อยู่ในตัวตลอดเวลา
GM : ระหว่างร้องเพลงกับเขียนหนังสือ คุณคิดว่าทำอะไรได้ดีกว่า
ศุ บุญเลี้ยง : ผมว่าผมเขียนหนังสือดีกว่า แต่ผมไม่ค่อยได้เขียน