ตอนออกค่ายอาสา สมัยเป็นนิสิตจุฬา
ได้ผูกพันกับโรงเรียนบ้านนอก อยู่บ้าง
บางวันที่ โรงเรียนส่งทีมฟุตบอลไปแข่งขัน
ผมพยายามหาเสื้อทีม ออกแบบ ทำสกรีนให้
จำได้ว่า กว่าจะหาเสื้อได้ครบทั้งทีม ต้องใช้เวลานาน
จนกระทั่งฟุตบอลจะแข่งอยู่แล้ว ก็ยังวิ่งหาสปอนเซอร์ และขอแรงจากคนโน้นคนนั้น
ถึงวันแข่ง ผมหอบเสื้อถุงใหญ่ ขึ้นรถทัวร์ชุมแพ ไปลงแถว นาหนองทุ่ม เพื่อเอาเสื้อฟุตบอล ทีมโรงเรียนไปให้
กว่ารถทัวร์จะถึงก็สาย
กว่าจะเข้าไปถึงสนามฟุตบอลโรงเรียน
เกมก็เร่ิมแข่งไปแล้ว
ตอนนั้น ดูเหมือนทีมฟุตบอลที่เราสนับสนุน
โดนยิงนำไปแล้วสองลูก
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะนำเสื้อทีมไปให้ทัน
อย่างน้อยครึ่งหลังก็ยังดี
หวังจะฟื้นฟูจิตใจของทั้งทีม และของตัวเองที่อุตส่าห์ ดิ้นรนหาเสื้อทีมได้จนครบ
ลงจากรถทัวร์ ผมวิ่งฝ่าสนามฟุตบอลตอนพักครึ่ง พร้อมถุงเสื้อทีม เราจะเปลี่ยนชุดกันคงจะทัน
ช่วงพักครึ่ง เราก็ขออนุญาต กรรมการเพื่อขอเปลี่ยนเสื้อใหม่
กีฬานักเรียนบ้านนอก คงไม่ถือสาหาความ
หากทีมฟุตบอลรุ่นจิ๋วจะ ได้สวมเสื้อทีมใหม่ ในครึ่งหลัง
เด็กๆดูอิ่มเอิบ คุณครูยิ่งแย้มยิ้ม ท่ามกลางเหงื่อและแดดของดินแดนอีสาน
คนที่ปลื้มปริ่มเป็นที่สุดคือตัวกระผมเอง
ที่บรรลุภาระกิจซึ่งซุ่ม ทำมาหลายนาน
กว่าจะไปหาเสื้อ กว่าจะออกแบบ กว่าจะสกรีน และกว่าจะหอบขึ้นรถไป วิ่งฝ่าสนามพร้อมเสื้อทีมทั้งถุงสิบกว่าตัว ที่อัดแน่น
มันช่างน่าตื้นตันอะไรเช่นนั้น
ผมดูภาพยนตร์มาหลายครั้ง
ครึ่งหลังนี่แหละที่จะเป็นตัวเปลี่ยนชะตากรรมของทีม
กำลังใจที่ดี วิธีแก้เกม
ผมเป็นนักกีฬามาก่อน ผมรู้ดี
ว่ากำลังใจ เทคนิค และยุทธวิธีในการแก้เกมเขาทำกันเช่นไร
เสียงกรรมการเป่านกหวีดเรียกแล้ว
ทีมห้วยอีเปาะของพวกเรา ลงสนามในชุดใหม่
น่าตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ ไปทั้งสนาม
เสียงเล่าขานจะต้องกึกก้อง
หลังจากโดนยิงนำไป ครึ่งแรก สองลูก
เมื่อพวกเขาได้ชุดใหม่ ได้กำลังใจจาก เรา
พวกเขาลงไป และโดนถลุง ไปอีกห้าลูก
ผลคือ แพ้ ไป เจ็ดประตู ต่อศูนย์
ชุดไม่ได้ช่วยอะไรเลย ต่อการแพ้ชนะ
แต่
อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่า
การทำอะไรให้คนอื่น นั้น
ดีต่อใจ
ผ่านไป ยี่สิบสามสิบปี
ผมยังจำวันนั้นได้อยู่เลย