เติมใจให้กัน
คุณคิง หรือ ชื่อจริง ว่าสมจริง
เป็นรุ่นน้องแบบหายใจรดต้นคอ ต่อรุ่นของ สมจุ้ย เจตนา ที่นิเทศ จุฬา
เลยได้แลกเปลี่ยนสนทนา รู้ฝีมือกันอยู่บ้าง
เนื่องจากต่างก็ชอบ ขีดๆเขียนๆ
วนเวียนทำละครเวทีคณะ รุ่นแรกๆกันมา
ตอนคิงทำหนังสั้น ก็ติดต่อให้ผมไปแสดง เป็นพระเอกบ้านนา ที่หลงมาบางกอก วิ่งถ่ายทำกันแถวสามย่าน เพื่อส่งงานอาจารย์
จนคิงเรียนจบ
(ส่วนพระเอกหนังสั้นยังเดินอยู่แถวสามย่านอีกหลายปี)
พอคิงได้ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเข้าจริงๆ
ผมหวั่นๆว่าเขาจะชวนไปเล่นหนังอีก
แล้ววันที่คิงทาบทามก็มาถึง
เขาบอกว่า
อยากให้แต่งเพลงให้หนังเรื่องใหม่ ผมบอกว่าเรื่องเพลงนั้นเต็มใจ (แต่เรื่องแสดงขอคิดให้ถ้วนถี่ก่อน)
คิงว่า ไม่ต้องกังวล หนังมีนักแสดงอยู่ครบ ถ่ายทำจะจบอยู่แล้ว
ไปถ่ายทำต่างประเทศด้วย
สำคัญตอนฉากจะจบ
พระเอกกับนางเอกซึ่งแยกย้ายกันไป คนละมลรัฐ จะย้อนกลับมา พบกันอีกครา เพราะในใจลึกๆแล้วยังคงรักกัน (ไม่งั้นหนังไทยคงไม่จบ)
คิงว่า เพลงนี้ มีทำนองอยู่แล้วด้วย โดยคุณสินนภา ประพันธ์ขึ้นมา เป็นเพลงเอกของหนังเลยก็ว่าได้
ทีมบัตเตอร์ฟลายจะดูแลเพลงประกอบทั้งเรื่อง
ตอนช่วงท้ายๆหนังใกล้จบ พระเอกกับนางเอกมาพบกัน ซีนสำคัญนั้น อยากได้เนื้อร้องใส่เข้าไป
เรื่องหาคำลงทำนองคงไม่ยากนัก
แค่ตอนนั้น ผมไม่เคยไปเห็นบรรยากาศเมืองนอกไกลๆ ถึงมลรัฐไหนๆ
เคยแต่ข้ามไปท่าขี้เหล็กบ้าง ข้ามไปทางลาว เขมร แบบใกล้ๆบ้าน ไม่เหมือนในหนังที่เขาไปซานฟรานกัน
ถ้าจะให้ดี ออกตังให้ไปเขียนที่อเมริกา คงจะดี
คิงว่า มีงบอยู่สามพันบาทถ้วน พี่จะไปเขียนที่ไหนก็ตามใจ
บทหนังก็ไม่ต้องอ่าน กองถ่ายก็ไม่ต้องไปดู
“ได้…..สามพันร้องด้วยก็ยังได้” สำหรับคิงผมยินดี
คิงบอก”ร้องก็ไม่ต้องร้อง”
เขามีคนเตรียมร้องไว้แล้ว
เออ…เออ เอาไงก็เอา
ร้องก็ไม่ให้ร้อง เล่นก็ไม่ให้เล่น เขียนแต่เนื้อเพลงอย่างเดียว ก็ได้วะ……..อย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกัน………
(โปรดติดตามตอนต่อไป)