คุยกับตูนหน้าโรงหนัง

เจอกันหลายวาระ
เจอกันหลายวาระ

ผมเคยเจอตูน ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก ตอนนั้นไปพักไปเที่ยวแถวสุพรรณ
เด็กชายอทิวราห์ มาขอถ่ายรูปและลายเซ็น
ผมจำไม่ได้หรอก แต่คนที่จำได้คือตูน
เรามาเจอกันอีกตอนที่เขากำลังมีชื่อเสียง ก้าวเข้าสู่วงการ เราก็มาถ่ายรูปกันอีก
ไม่ช้านานเขาก็ โด่งดัง

นานๆครั้งจะได้มีโอกาสร่วมเวที เหมือนเราอยู่คนละโลก มีที่โคจรเข้ามาพบกันบ้าง ก็ตามร้านกาแฟ
ตูนจะเข้ามา คาราวะ มากกว่าไหว้ คือย่อตัวลงแล้วพนมมือ บางครั้งถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น
แลดูว่า เขาจะมีสัมมาคาราวะจนติดเป็นนิสัย ไปไหนก็ค้อมตัว ย่อขา ไม่คอแข็ง เชิดหน้า
.
ผมเห็นเขามีโครงการวิ่ง หาทุนให้รพ.บางสะพาน ก็ยินดีไปด้วย
แต่ครั้นพอเขา จะวิ่งระยะยาว เบตง แม่สาย ก็ได้แต่นึกหวั่นวิตก ว่าจะเอาสรรพกำลังจากไหน และทำสิ่งนั้นเพื่อส่ิงใด
แน่นอนว่า เงินเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ แต่เป้าหมายที่ซุกซ่อนไว้ ในจิตใจ คืออะไรกันแน่

ภาพยนตร์ทำให้เห็นบางฉากบางตอน และที่เห็นได้ชัดคือ แววตา แห่งปิติสุขของผู้สร้าง
.

ที่หน้าโรง เมื่อได้โอกาสสำคัญ
ผมได้คุยกับตูนอีกครั้ง
ผมบอกว่า พี่เห็นความสุขที่ฉายออกมาจากแววตา
ตูนตอบว่า พี่คงเคยสัมผัสมันบ้างอยู่แล้ว
ผมแกล้งถามว่า ตูนจะคิดยังไง ถ้าเวลาเขาพิจารณางบประมาณแล้วมีการตัดงบกระทรวงสาธารณสุขออกบ้าง

แบบให้น้อยกว่าเดิมสักพันล้าน เพราะมีคนบริจาคมาแล้ว
ตูนตอบหน้านิ่งว่า  ผมคงเสียใจ
.
คงไม่หรอกมั้ง…. แต่ตอนนี้ ผมไปไหนๆ คนของรพ.ก็พูดราวกับว่า จะรอพี่ตูนมาวิ่ง
เพื่อหาทุน สำหรับเครื่องมือแพทย์
ซึ่งผมคิดว่าตูนไม่น่าจะวิ่งไหว หรือถึงวิ่งไหวก็ไม่น่าจะวิ่งแล้วล่ะf92cc8bd-060b-480c-bc41-57613ab2942b-300x225

ผมเป็นห่วงข้อเข่าของตูน กลัวว่าอีกสักพักทางรพ.จะต้อนรับน้าตูนด้วยโรคข้อเข่าอักเสบ และมันจะยิ่งเศร้าใจนักหนา

ถ้าวันที่ตูนเดินเข้าไปรพ.แล้วทาง เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เรายังไม่มีเครื่องมือในการรักษาอาการนี้
อาจจะถึงเวลาที่ตูนไม่ต้องวิ่งไกล แต่วิ่งช้าๆสวนทางเข้าไปในแหล่งสำคัญ
แทนที่จะวิ่งไปเก็บเงิน ลองวิ่งเข้าทำเนียบสักวันไหม
เก็บสะสมปัญหาของประชาชน แล้วไปของบจากผู้มีอำนาจโดยตรงมาเลย
เดินช้าๆไปหาคนพิจารณางบประมาณ
ตูนคุยเสริมต่อเล่นๆว่า คือไปของบจากการจัดซื้อเครื่องบิน มาสักลำ

เราคุยกันไม่นาน เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะมีคนรออยู่รายรอบที่จะพบปะตูน

เราแค่คุยกันเล่นๆ
แต่ผมแอบกลับมาคิดอย่างนั้นจริงๆ

แสดงความเห็น