“บ้านมึงนำ้ท่วมอยุ่ ไม่พูดไรหน่อยหรอ”

IMG_1586

มีคนเข้ามาทักในอินบ็อกว่า
“บ้านมึงนำ้ท่วมอยุ่ ไม่พูดไรหน่อยหรอ”

นั่นนะสิ
ตอนแรกก็… ปี๊ดขึ้นมาว่า “กูจะพูดด่า..(มึง)นี่แหละ”

แต่พอมานึกๆแล้ว
ก็คิดเสียว่า เขาคงอยากจะได้รับรู้ทัศนะที่มีต่อบ้านเมืองและสังคมจากปากเราบ้าง

ซึ่งมองอีกด้านก็น่ายินดี ว่าการที่มีคนอยากอ่านหรือฟังทัศนะจากสิ่งที่เราเขียนขึ้น

ไม่เสียทีที่เปิดแฟนเพจให้คนมาติดตาม
ถ้าไม่เขียนอะไรเสียบ้างมันก็น่าโมโหอยู่

เขาก็คงอยากจะรับรู้ สงสัย ไถ่ถาม เพียงแต่อาจจะใช้ภาษาห้วนๆไปสักนิด

แต่ถ้าจิตใจเราไม่ไป ยึดติดที่ถ้อยคำ
หรือ ใส่อารมณ์โกรธโต้ตอบกลับไป
แล้วค่อยๆเรียบเรียงเพื่อเล่าสู่เขาดีๆ ก็น่าจะดีกว่า

ผมยังได้เริ่มมองเห็นมวลความโกรธก้อนนั้น
ที่มันบวมเป่ง แล้วค่อยๆยุบตัว สลายไปหมดสิ้นในเวลาไม่นานหลังจากที่เรามีสติ และพิจารณามันอย่างไม่ต้องฝืนใจด้วย

แล้วก็ยังมาคิดว่า ไม่เห็นจะน่าโกรธเลย
น่าจะบอกเขาดีๆด้วยซ้ำ

แทนที่ผมจะตอบเขาไปว่า
(เออ บ้านกูน้ำท่วมแล้วหนักหัวพ่อมึงรึไง
แม่กูไม่สบาย มึงจะโวยวายหาอะไร)

ก็ไม่จำเป็นต้อง โต้ตอบเขาไปในอินบ็อก เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด

ความโกรธ ความโมโห เรามีกันทุกคน
เพียงแต่เรา จะโต้ตอบด้วยความโมโหกว่า
หรือว่า เราควรจะมองมัน แล้วก็ทำความเข้าใจ
หยุดยั้ง แล้วค่อยๆมอง พิจารณาแล้ว ส่งสารแห่งความเมตตา

แทนที่จะโต้ตอบ ด้วยความรุนแรง
แบบตาต่อตา มึงด่าได้ กูก็ด่าเป็น

หรือเราจะมองเห็นทั้งเขาและเรา
เป็นเพื่อนมนุษย์อันควรจะสื่อสารกัน ด้วยสันติวิธี

แทนที่จะบอกแค่คนๆนั้นในอินบ็อก

เราควรจะบอกคนอื่นๆที่ติดตามด้วยซ้ำ

คนซึ่งอาจจะกำลังคิดว่า
ทำไม ไม่เขียนอะไรบ้างเลย
ตั้งแต่หลังปีใหม่ เหมือนจะห่างร้างรากันไป

ทั้งๆที่มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากกมาย

ดังนั้น ต่อคำถามว่า
ไม่คิดจะเขียนอะไรบ้างหรือ
ต้องตอบว่า
คิดมาตลอดเลย..อยากจะเขียนอีกหลายๆเรื่อง

แต่ทว่ายังไม่ค่อยมีเวลา และขาดสมาธิ ที่จะนั่งลงเขียน
อีกทั้งผมยังไปยกให้การเขียน เป็นเหมือนการทำงานอย่างหนึ่ง
เวลาจะเขียนออกไป
ก็อยากจะตั้งใจ
ให้อ่านง่าย และเป็นประโยชน์
ไม่ใช่นึกอะไรคิดอะไรก็เขียนออกไป

ปีนี้จึงตั้งใจจะทำเป็นช่องทางเป็นเรื่องเป็นราวในพื้นที่บล็อกของเวปกะทิกะลา แล้วเขียนสื่อสารเป็นประจำ คงเริ่มทำในไม่ช้านี้

ส่วนเรื่องบ้านน้ำท่วมนั้น
ก็เป็นประเด็นที่ต้องเขียนเช่นกัน
แต่ว่ามันยังมีประเด็นอื่น
ที่อยากจะเขียนถึงเสียก่อน

เอาเป็นว่า
ผมก็คงจะกลับมาเริ่มเขียน
อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะมีคนมาทักมาถามมาท้วง
แต่เพราะตอนนี้

แม่ได้ออกจากห้องไอซียูแล้ว
นั่นก็คือ พ้นจากภาวะวิกฤติ
มาสู่ระยะฟื้นฟู

คนที่ไม่รู้ว่า แม่เป็นอะไร
ก็บอกแบบรวบรัดว่า
น่าจะเกิดจาก สมองขาดอากาศ
เลยมีอาการ ที่ไม่สมบูรณ์
ประกอบกับการเป็นคนอายุ 87
ย่อมทำให้ การฟื้นฟู เป็นไปอย่างยากลำบาก

ต้องขอบคุณ
คุณหมอและเจ้าหน้าที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งช่วยกันดูแลแม่อย่างดี

การงานที่ผมได้ละวางไว้มาตั้งแต่ปลายปี
บัดนี้ก็ได้เวลาที่จะเริ่มกลับมายืดเส้นยืดสาย
ใช้ร่างกาย สมอง และสติปัญญา ออกล่าหางานทำกันอีกหน

ใครมีอะไรให้ช่วยเหลือ ก็ติดต่อกันเข้ามาได้เลยนะขอรับ
กะทิกะลาคอมปานี 02-9395939 หรือจะอินบ็อกกันมาที่นี่เลยก็ได้ ชมก็ได้ ติก็ดี ด่าหรือระบายก็เชิญเถิด เอาที่ท่านสดชื่น สบายใจ ก็แล้วกัน

หนึ่งความเห็น

แสดงความเห็น