เติมใจให้กัน (ต่อ)

ภาพยนตร์เรื่องพริกขี้หนูกับหมูแฮม
เป็นหนังรัก
แน่นอน เพลงที่เขาอยากให้เขียน ก็ต้องเป็นเพลงรัก

แต่เนื่องจากเพลงรัก มันมีมากมาย
“ฉันพบเธอ…. ฉันจากเธอ… ฉันรักเธอ….”
แล้วทีนี้เราจะเขียนอะไร ให้มันแตกต่างไปจากที่เคยเห็นเคยฟัง กระทั่งเคยเอียน

เลยตั้งโจทย์เล่นๆกับตัวเองว่า
จะลองเขียนเพลงรัก
ที่พยายามจะไม่ใช้คำว่ารัก

ถ้ารักกันมารักกันไป แล้วไม่เอ่ยว่ารัก จะเขียนอย่างไร

สิ่งที่หนังต้องการคือ การกลับมาพบกัน หลังจากพลัดพราก แต่เพลงจะไปเล่ามากก็ไม่ได้ เพราะหนังได้เล่า ไปเยอะแล้ว

ดังนั้น…
เพลงนี้ จึงขึ้นว่า
“ตอบใจตัวเองมานาน”

แทนที่จะขึ้นว่า
“ถามใจตัวเองมานาน”
ที่จริงต้องถามก่อนใช่ไหมจึงจะตอบ
แต่นี่เพลงจะโผล่มา ตอนหนังใกล้จะจบอยู่แล้ว
แสดงว่า มันต้องถามเสร็จไปก่อนหน้านี้ ตอบตัวเองได้แล้ว จึงว่ิงมาหากันแบบสโลโมชั่น

ด้วยอยากย่นระยะเวลาในการเข้าถึงจิตใจของตัวเอก ย่นเวลาในการเข้าสู่เพลงของผู้ฟัง
“ตอบใจตัวเองมานาน
แอบรอคอยเธอ ก็รู้
อยากให้เธอลอง ตรองดู
ในความทรงจำเก็บไว้”

ท่อนแรกนี้ถือว่า เป็นการเขียนพอให้มีช่องทางขึ้นต้น ย้อนความเล็กน้อยพองาม ไม่ใช่รักเธอแต่เธอไม่รู้ ไม่ใช่รักแต่ไม่บอก ไม่ใช่ก่อนนี้ไม่รัก แต่รักอยู่แล้ว ทั้งรู้ๆกันอยู่แก่ใจ “

หนังย่อมมีแก่นมีกฎของหนัง
เพลงก็ควรมีแก่น มีแกน ของเพลง

ในเมื่อจะเขียนเพลงที่ไม่มีเนื้อหาอะไรมากมาย กลับกลายเป็นว่ายิ่ง ต้องหาแกนหลัก หรือเมนไอเดียให้ได้ ว่าจะบอกอะไรที่เป็นแก่นแท้ของเพลงนี้

เนื่องเพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทำไกล และพูดถึงการห่างไกล
คงเคยได้ยินคำพูดที่ คนมักเอ่ยปากว่า
“รักแท้แพ้ระยะทาง”
หรือ
“รักแท้มักแม้ความใกล้ชิด””รักแท้แพ้ความเหินห่าง”

เป็นคำและความเชื่อ กันมาว่า
เวลาคนเราห่างไกลกัน จิตใจก็ย่อมไหวหวั่นไปกับสิ่งเร้านานาที่มาใกล้กว่า

แล้วถ้าเผื่อว่า เกิดจะมีสักเพลง
ที่บอกว่า ไม่จริงหรอกนะ
ไม่ใช่เสมอไป ที่ความห่างไกลจะทำให้ฉันเปลี่ยนแปรจิตใจไป
นี่คือ แกนหลักของเพลงรักเพลงนี้
คือมันพยายามจะทำหน้าที่สวนกระแส ของความเชื่อเดิมๆ

แม้โดยทั่วไป ความจริงมักเป็นเช่นนั้น หรือจะเป็นเช่นไรก็ตาม
แต่ขอเว้นไว้สักกรณี หรือกับบางใคร กับใจบางดวงได้ไหม

“ต่างคนมีทาง ต้องเดิน
อาจมีเวลา ต้องไกล
หนึ่งคนยังคง คอยใจ
ยังคงคอยไป อย่างนั้น”

ไอ้ต้องไกล กับต้องเดิน นี่คือทิศทางที่หนังกำหนดให้ตัวละครต้องพลัดพราก ผู้ประพันธ์เพลงก็ไม่อาจฝืน

พอถึงท่อนแยก
“อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า….”

ตอนแรก
ผมลองแต่งว่า
“อยู่ไกลกันคนละมลรัฐ”
ตั้งใจว่าจะให้เข้ากับหนังที่ถ่ายทำต่างประเทศ
เพราะบ้านเราใช้จังหวัด ส่วนอเมริกา ใช้มลรัฐ
ถ้าต่างจังหวัดใช้ อยู่ไกลคนละตำบล
อันนี้แม้ไม่บอกว่า อยู่แถวไหน ก็จะทำให้จินตนาการ ถูกโน้มนำไปถึงฉากที่ควรคิด

ยังดีที่มีอะไรดลใจไม่ให้ใส่มลรัฐ
ลงไปในเพลง (ไม่งั้นคงเป็นเพลงที่เท่ห์ แต่ไม่เข้าท่า)

ทั้งน่าจะได้อิทธิพลมาจาก การพาดหัว ตัวหนังสือ ของคุณ ตุ๊ น้ำตาลปึก
ซึ่งแกมักจะมีคำสวยๆ ลอยๆ โปรยเวลาแกทำหนังสือ
ผมแอบไปติดใจคำหนึ่ง บนหน้าปกนิตยสารประมาณว่า
“แม้ห่างกันครึ่งฟ้าก็ห่วงใย…”
ถ้อยคำนี้ ลอยเข้ามาขณะฟังท่วงทำนองเปีียโน
ใจที่อยากเลี่ยง
“อยู่ไกลกันสุดขอบฟ้า…”

เพราะเป็นคำที่คนทั่วไปมักนิยมใช้
จึงเลือกใช้คนละคำ โดยคงความหมายห่างไกลเอาไว้

“อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า…”
จึงลงในตำแหน่งของทำนองพอดิบพอดี
คำว่าฟ้า…..ยาวไปตามเสียงเมโลดี้ที่ออกแบบไว้

“หากยังมีใจ คุ้นกัน”

คำว่า”ใจคุ้นกัน”
ผมก็คิดมาจาก
คำว่า”ใจถึงกัน” นั่นแหละ
แต่เพราะมีความรู้สึกว่า
“ใจถึงกัน” มันยังไม่พอ แก่ความรู้สึกที่จะให้กัน
ต้องการความสัมพันธ์ที่สนิทใจกว่า

ก็เลยพลิกคำจาก
“ใจถึงกัน”
เป็น
“ใจคุ้นกัน”

นักร้องรุ่นหลังๆที่นำไปร้อง
คงไม่ได้ตรวจทาน ถ้อยคำให้ดี เมื่อไม่คุ้นคำ ก็ไม่ร้อง
ไปร้องคำว่า “ใจถึงกัน” ผิดต่อๆกันไปหลายเวอร์ชั่น

ซึ่งผู้ประพันธ์ก็ได้แต่เสียดาย ที่อุตส่าห์หาคำนี้มาได้
แต่สุดท้ายเขาไม่ได้ใช้
(ส่วนสตังค์ที่เขาโอนเข้าบัญชีมาให้ ผมก็ใช้อย่างไม่ให้ผิดพลาด)

“จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกัน ใกล้ตา”
ไอ้คำว่า
“ใกล้ตา”
ก็คิดอยู่นาน ครัน
เพราะจนมาพบกัน “นะเออ”

จนมาพบกัน “นั่นเอง”
จนมาพบกัน “แล้วไง”
มันก็ ลงแปลกๆ

อาจเพราะนั่งหาคำ หาเสียงไปทีละนิด ละน้อย
สุดท้าย คำว่า “ใกล้ตา” ก็ลอยมาจากไหนใกล้ตัว

ผมตวัดปากกา คว้าคำนี้ไว้ได้
ไม่ปล่อยให้หลุดหนีไปไหนแล้ว

พี่ม้า อรนภา เคยบอกว่า
ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึก เซ็กซี่ ก็ตรง สองคำ สองพยางค์นี้

“เธอคิดดูสิ คนเรา ถ้าตาใกล้กัน อวัยวะอื่นมันก็คงจะห่างกันไม่เท่าไหร่”
แกคิดของแกไปชวนหวาดเสียว

ตอนแต่งผู้ประพันธ์ไม่ได้คิด ขนาดนั้น
แค่คิดว่า หลังจากที่เราสบตาได้ที่ บางทีเราก็อยากมองตาแบบใกล้ๆกัน อยากใกล้จนเห็นต่อมน้ำตาก็ว่าได้

หลังจากที่อยู่ห่าง “ไกลกันครึ่งฟ้า
ก็มาใกล้ “จนมาพบกันใกล้ตา”

“ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ”
อันนี้เติมต่อ ไปตามเรื่องตามราวของตัวเองแล้วละ
ไม่รู้แน่หรอกว่า
พระเอกกับนางเอกมันจะมาเติมอะไรให้กัน
แต่ก็คงจะ
“แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่น”
“ต่างคนเติมใจให้กัน
เติมใจซึ่งกัน…”
ถ้าเป็นสููตรเพลงด้วยทั่วไป
ตรงนี้
เขาจะลงลูกจบว่า
“ฉันรักเธอ”

แต่ผู้ประพันธ์ได้ตกลงกับตัวเองแต่แรกแล้วว่า
จะเลี่ยงคำว่ารัก

ดังนั้น
“เติมใจซึ่งกัน” แทนที่จะ “ฉันรักเธอ”

นึกไปถึง เติมน้ำ เติมลม เติมไปเติมมา จึงกลายเป็น
“เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม”
ฉะนี้แลเฮย

      

เพลง เติมใจให้กัน
เนื้อร้อง : ศุ บุญเลี้ยง
ทำนอง : สินนภา สารสาส
เรียบเรียง : ทีม บลู สกาย
บันทึกเสียง : บลู สกาย สตูดิโอ

ตอบใจตัวเองมานาน        แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู    ในความทรงจำเก็บไว้

ต่างคนมีทางต้องเดิน        อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ         ยังคงคอยไปอย่างนั้น

อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า        หากยังมีใจคุ้นกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์      จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ         แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน          เติมใจซึ่งกันจนเต็ม

———————————————————————————————————————

โหลดเพลง เติมใจให้กัน ผ่าน itunes  ได้ที่
https://itunes.apple.com/us/album/rak-miru-roy/id601147887

———————————————————————————————————————

กลับไปหน้าแรก

แสดงความเห็น