สถานีนี้มีปัญหา สถานีหน้ามีคำตอบ

ตัวอย่างศุราณี

จีบอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด
ถาม :
เราคิดว่าเราชอบผู้ชายคนนึงอยู่ เขาขอเบอร์โทรเราไปด้วยนะแต่ยังเคยโทรมาเลย มีแต่เราโทรไปคุยเรื่องงานกับเขา  ระหว่างที่คุยกันเขาก็มักจะคุยเรื่องส่วนตัวด้วย  เคยถามว่าเราอายุมากกว่าเขาใช่ไหม (แต่เราหน้าอ่อนกว่าเขานะ น้องที่ทำงานบอก)  เราคิดว่าเขาก็น่าจะสนใจเรานะ เวลาคุยกับเราเขาจะหัวเราะ อารมณ์ดี เคยส่ง e-mail มาหาเรา 2 ครั้ง ล่าสุดเราคุยกับเขา เขาบอกว่าไม่ได้ติดต่อกลับเราเพราะงานยุ่งมากอยู่ในช่วงปรับตัว (เขาเพิ่งจะเปลี่ยนงานน่ะ) อยากรู้ว่าเขาจะชอบเรามั๊ย เขามีแฟนรึยัง ถ้าเราจะจีบเขาจะดีมั๊ย อย่างไรจึงจะไม่น่าเกลียด (เพิ่งจะรู้จักกันประมาณ 2 เดือน)
โดย : รอคอยคำตอบ

ตอบ :
จีบอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด ถือเป็นคำถามยอดนิยมพอสมควร  คงเพราะคนไทยติดอยู่ในกรอบอะไรบางประการ ที่บอกได้ยาก เราว่าชวนทานกาแฟ  หรือ ซื้อมะม่วงน้ำปลาหวานไปเผื่อ  มันก็คงจะขึ้นอยู่กับกาละเทศะ ถ้าปีใหม่จะส่งการ์ดไปให้ ใครเขาจะว่าน่าเกลียดได้  หรืออาจจะแค่เปรยว่าอยากดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าเขาไม่ชวนไปชม แต่คะยั้นคะยอจะให้เขาพาไปดู อย่างนั้นคงน่าเกลียด การรักษาจังหวะ ระยะห่าง คุณผู้หญิงเขาว่ามีมารยาตั้งหลายเล่มเกวียน ลองไปรื้อๆในเกวียนมาปัดฝุ่นก็แล้วกัน ไอ้รู้จักกันแค่สองเดือน ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียด แม้จะส่งเมล์แค่สองครั้ง แต่ถ้าสองครั้งนั้นมันเป็นเมล์ที่ตั้งอกตั้งใจเขียน ก็คงอ่านออก เรื่องงานยุ่งเป็นข้อแก้ตัวที่ยกมาได้ เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด ในการเว้นช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ เพราะคงดีกว่าบอกตรงๆว่า กำลังติดพันคนอื่นอยู่ หรือจะบอกว่าบังเอิญลืมไปเลยว่าเคยรู้จักคุณ ลืมเรื่องงานยุ่งไป ส่วนเขามีแฟนหรือยัง ชอบถามกันจริง เราก็ตอบได้แค่ว่า แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร
โดย : ศุราณี

สัมพันธภาพในที่ทำงาน
ถาม :
มีน้องเข้ามาบรรจุที่แผนกเรา 2 คน  เป็นสาวน้อยทั้งคู่  คนนึงอยู่ในความดูแลของเรา  แต่น้องเค้ามีอะไรบางอย่างที่ ..ยังไงดี.. คงต้องบอกว่า  เป็นสิ่งมีชีวิตคนละประเภทกับเรา  ไม่เข้าใจเลยว่าเค้าคิดอะไร  ทำอะไร  พูดอะไร  ทำไมไม่ถูกหูถูกใจเราไปซะหมด  ถึงกับจนแต้มว่าจะพูดหรือสัมพันธ์กับเค้ายังไงดี  เพราะหน้าที่การงานก็เกี่ยวข้องกันอย่างมาก  บางครั้งก็ต้องเดินทางไกลๆ และพักด้วยกัน  ทำใจอยู่ 1 เดือนเต็มๆ  จนวันนี้ก็ยังเข้ากับน้องเค้าไม่ได้เลย  พูดจากันเหมือนมาจากดาวคนละดวง  นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน  คนแบบนี้เราคงตัดเค้าออกจากชีวิตได้ง่ายๆ ใช่มั้ยคะ  แต่นี่ต้องเจอกันทุกวัน  โต๊ะทำงานหันหน้าชนกัน  พักที่พักใกล้ๆกัน  จนตอนนี้พี่ๆ คนอื่นๆ ในแผนกเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าเราทั้งคู่ไม่ถูกกัน  ซึ่งไม่ดีกับบรรยากาศในการทำงานเลย  ทำไงดีคะ  ถึงจะทำงานได้อย่างมีความสุข  พยายามปรับตัวปรับใจแล้ว  แต่ช่วยได้ไม่มากเลย  เหมือนใส่หน้ากาก  แย่จัง
โดย : แมว

ตอบ :
การปรับตัวเข้าหากัน  เป็นสิ่งจำเป็นแน่ๆ ในที่ทำงาน โดยเฉพาะเจอคนที่เหมือนอยู่คนละโลกนี้เข้าใจได้เลย ว่ามันช่างหาช่องทางสื่อสารกันไม่ค่อยได้    มีไม่กี่คนหรอกนะที่เหมือนเกิดมาซึ่งกันและกัน  แต่ส่วนใหญ่ก็พอจะเข้าใจหรือสื่อสารกันได้  นานๆ ก็มีสักคนที่แตกต่างกันจนยากจะประสานความสัมพันธ์  ปัญหานี้คงแก้ไขลำพังไม่ได้  หมายถึงว่าถ้าคนเดียวพยายามคงยากจะสำเร็จ  เพราะแตกต่างกันมาก  ยิ่งเป็นเรื่องรสนิยมยิ่งยากใหญ่  ส่วนมากคนที่เป็นผู้บริหารจะต้องเข้ามาปรับหรือเปลี่ยน  ปล่อยไว้ก็จะมีผลต่อที่ทำงาน  ถ้าผู้บริหารหรือหัวหน้าพอจะพูดจาเข้าใจก็บอกเขาไปตรงๆ ว่ากำลังเกิดปัญหา  ศุราณีกำลังสนใจปัญหาเรื่องสัมพันธภาพนี้ไม่น้อยไปกว่าเรื่องความรัก  เรื่องอกหัก  เพราะมันมีค่าต่อกระบวนการทำงานและความคิด  ขอใช้เป็นกรณีศึกษาคงไม่ว่ากัน
โดย : ศุราณี

ดีแค่ไหน
ถาม :
เรียนพี่ศุราณีที่เคารพ
คนเราควรจะมีขอบเขตในการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือเปล่าคะ ?  ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าระดับความดีของคนที่แสดงต่อกันวัดแทนด้วยตัวเลข 1 ถึง 10 บางคนดีกับเราได้ระดับ 3 เราดีกับเขา 3 หรืออย่างมาก 4  ใครดีกับเรา 10 เราก็ดีด้วย 10  ควรจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า  คนไม่น่ารักเดือดร้อน จะช่วยก็ไม่อยากช่วย  อยากให้เขาได้รับบทเรียนเพื่อจะมีจิตสำนึกที่ดีขึ้น  แต่พอทำอย่างนั้นไปแล้วก็รู้สึกไม่ดีเลย สุดท้ายกลายเป็นว่าไม่อยากข้องแวะด้วย  ไม่อยากรู้เรื่องราวความเป็นไป  ถ้าจะทำตามใจ  เป็นไปตามธรรมชาติของเรา  ก็รู้สึกเสียเปรียบ  เพราะมักจะให้ได้มากกว่าคนอื่นให้เราได้  ถ้าอยู่กับซี้ปึ้กที่ไว้ใจได้ก็ไม่ต้องคิดมาก  แต่ในสังคมต้องเจอคนมากมาย  คนส่วนมากไม่ซื่อสัตย์กับคนอื่น และ / หรือตัวเอง  แข่งเพื่อให้ได้อะไรซักอย่างที่ตัวเองคิดว่าอยากได้  ถ้าเลือกสังคมได้ถือว่าโชคดี  แต่ถ้าไม่ได้  มีวิธีคิดหรือดำเนินชีวิตอย่างไรให้เป็นสุขในสังคมที่คนปนเป
ด้วยความนับถือปนเอ็นดู
โดย : แจ่ม

ตอบ :
ขอบเขตในการสร้างความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง  และดูเหมือนคุณเป็นคนที่กำลังวิเคราะห์ได้น่าสนใจ  มีแบ่งคะแนนะ จากหนึ่งถึงสิบได้ด้วย ฟังแล้วเข้าใจง่ายดี  ความดีนะมีไว้ดีแน่  แต่สำหรับศุราณีนิยมความพอดี  ตัวเลขไหนที่พอเหมาะพอดี  ช่องว่างไหนที่รักษาระยะได้พอดี  ถ้าเขาให้เราสามบางทีเราอาจจะลองให้เขาสักสี่  คือให้มากน้อยลดหลั่นไป ไม่ถึงกับจะต้องพอดีเป๊ะสมการความสัมพันธ์เป็นสิ่งนี้น่าสนใจ  ทุกคนคงต้องเก็บไปคิดเป็นการบ้าน  ปรึกษาหารือถามไถ่กันต่อไป  เพราะอันว่าจิตมนุษย์นั้นสลับซับซ้อน แม้กระทั่งจะทำความดีให้ใคร จะมอบของให้ใครก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ใช่ว่าอยากให้แล้วจะให้ได้เลย ยกตัวอย่างวันก่อน ลูกสาวเพื่อนมาเล่นที่บ้าน เขาชอบตุ๊กตาหมีพู ครั้นพอปีใหม่ตั้งใจว่าจะเอาไปให้เขาเป็นของขวัญ พอพ่อเขาได้รับก็ทำหน้าปะแล่มๆ บอกว่า สงสัยลูกต้องแย่งกันแน่ เพราะเราคนให้ก็ลืมไปว่าเขามีลูกสาวสองคน แต่ให้หมีไปแค่ตัวเดียว
โดย : ศุราณี

เรื่องกลุ้มของพี่สาว
ถาม :
มีน้องชาย 1 คน ค่ะ ไม่ชอบจะเรียนเลย ไม่โดดก็ไปกินเหล้า เราก็ทั้งเตือน ทั้งบ่น แต่ไม่อยากบ่นมาก กลัวเค้าอึดอัด ควรจะทำตัวยังไงดีคะ เค้าเป็นน้องชายเราซะด้วย ถ้าเป็นน้องสาวคงพูดง่ายกว่านี้
โดย : sister_sad

ตอบ :
เราเองก็ไม่มีน้องชายแท้ๆ เพราะพ่อกับแม่ให้มาแต่พี่สาวน้องสาว แต่ตัวเองก็เคยทานเหล้าสูบบุหรี่ เพราะตอนนั้นมันแก้เหงาปากดี แถมวิถีไทยๆ ก็พาไป ตั้งแต่รับน้อง เพื่อนพ้อง และความขัดเขิน ความไม่มั่นคงในหัวใจตัวเอง โชคดีที่ไม่ติด และเกิดฉุกคิดว่า จะไปทำลายตัวเองวันละหน่อยวันละนิดทำไม เมื่อจิตใจไม่นำไป ร่างกายก็พลอยปฏิเสธ โดยไม่ได้ไปรักษาที่ไหน
ถ้าเป็นน้องเรา เราก็คงจะบอกเขาว่าเป็นห่วงเป็นใย แต่ถึงเขาจะสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า ลองปรามเขาตรงๆ แต่บอกเขาว่า แม้เขาเข้ารกเข้าพง พี่ก็คงตามไปใกล้ชิด  เพราะยังไงน้องก็ยังเป็นน้องของพี่ น้องลงข้างทาง พี่ก็จะลงไปกับน้องบ้าง  เพียงแต่ถ้าน้องจะไม่ลงไป พี่ก็ว่าครอบครัวเราน่าจะยินดี นั่นคือต้องให้เขาคิดว่าเป็นพวกเดียวกันให้ได้ก่อน ไม่งั้นจะกลายเป็นอยู่คนละข้าง แรงผลักก็ยิ่งมาก ยิ่งห้ามก็จะกลายเป็นยิ่งยุ
โดย : ศุราณี

ข้อสงสัย
ถาม :
ขอกราบที่ยอดอกพี่ศุราณีที่เคารพ
น้องน้อยมีข้อสงสัยอะไรจะถามคุณพี่นิดหน่อย คือ น้องรู้จักกับเพศตรงข้าม หนึ่งคน มาเป็นเวลาหลายเดือน สงสัยว่าเขาคิดอย่างไรกับน้อง เขาทำเหมือนมีอารมณ์ที่จะติดต่อ นัดไปกินข้าว กินปลา กินขนม ดูหนัง ไม่มีอารมณ์เขาก็ไม่ติดต่อมาเลย สงสัยจริงๆ เลยค่ะ
โดย : โลมา

ตอบ :
เขาอาจยังไม่ค่อยมีอารมณ์ ว่าแต่หนูมีอารมณ์อะไรกับเขา ท่าทางเหมือนไม่พอใจที่เขาหายไป มาไม่สม่ำเสมอ หาทางระบายอารมณ์แบบไม่ต้องรอเขา อย่าเพิ่งให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล คนมันมีหลายชนิด ถ้ายังไม่ตกหลุมรัก ก็มักจะยังยั้งๆ อยู่ หนูก็ยับยั้งชั่งอารมณ์ไว้ก่อน อย่าเพิ่งถาโถมกระโดดโครมลงไปตกหลุมดำ
โดย : ศุราณี

เกิดมาทำไม
ถาม :
คนเราเกิดมาทำไมคะ เคยรู้สึกเบื่อการมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ดิฉันเป็นบ่อยๆ ค่ะ เบื่องาน เบื่อคน เบื่อตัวเอง ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพราะยังไงก็ต้องตายวันยังค่ำ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
โดย : คนรำพัน

ตอบ :
เราไม่ได้เป็นคนเลือกเกิด แต่ถูกกระทำให้เกิด ดังนั้นคนจึงเกิดมาโดยไม่มีจุดหมาย และตายกันแน่นอน จุดหมายจึงอยู่ที่ว่า ระหว่างทางเดินจากก้าวทารกไปหลุมศพนั้น จะมีจุดหมายอะไรระหว่างการเดินทางหรือเปล่า ถ้ามีก็ดี ได้เห็นสิ่งสวยงามระหว่างทาง อยากสร้างอะไรให้คนรุ่นหลังที่เดินตามมา มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นที่เกิดมาด้อยโอกาสวาสนา เรามีมากกว่าก็แบ่งปัน เรามีน้อยกว่าก็หยิบยืม บางครั้งฉวยจังหวะเวลา  บางคราแบ่งปันโอกาส ชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับใจ และการมองโลก  การเลือกที่จะมีชีวิตเพื่อหายใจไปวันๆ  รอการแก่ตายมาเยือนก็คือชีวิต  แต่จะทำให้เป็นชีวิตที่มีสีสัน  เสพย์เพลง งานศิลปะวรรณกรรม  เดินทางไปยังดินแดนที่เป็นทิพย์สถาน   ดื่มด่ำกับบางสิ่งที่คนอื่นๆ มองข้ามไป  สุดแท้แต่ใครจะเลือก  ศุราณีเองก็คงต้องตาย  ตายแล้วก็คงคล้ายกัน  แต่คืนวันก็มีสิ่ง่ใดให้ทำมากมาย ก่อนตายก็ยังคิดว่าจะขอบริจาคอวัยวะในร่างกาย  ชีวิตแบบนี้สนุกดีนะคุณ  ลองครุ่นคิดดู  อย่ามัวสนใจว่าเกิดมาทำไม แต่ลองตั้งคำถามใหม่ ว่าก่อนตายจะทำอะไร
โดย : ศุราณี

จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร
ถาม :
ถ้าวันหนึ่งงานเรามีปัญหาหนักมาก  เครียดมาก  แกะไม่ออก  แถมเรื่องรักก็เลวร้ายถึงขนาดต้องเลิกร้าง  ต้องเริ่มต้นชีวิต  ความเป็นอยู่  และสังคมใหม่เลยทีเดียว  ความฝันความหวังพังหมด  จนไม่อาจฟื้นคืนได้  เราจะสร้างกำลังใจให้ตัวเองวิธีไหนดีคะ  และอยากรู้ว่าเวลาที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว  คุณศุราณีทำอย่างไรในการเรียกสติ  กำลังใจ  ความเชื่อมั่นในตัวเอง  และทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมคะ
โดย : อัญชัน

ตอบ :
เวลาเจอสถานการณ์ที่รุนแรงจนแทบร่วง  สิ่งแรกที่ทำอาจเป็นสิ่งที่ง่ายๆ  เช่นไปออกกำลังกายให้เหนื่อยกาย  การเหนื่อยกายช่วยแก้ปัญหาเหนื่อยใจได้ในเบื้องต้น  เมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มที่มีเรี่ยวแรง  ก็ค่อยหาทางพยุงจิตใจ  ทุกสิ่งที่เสียย่อมมีบางอย่างที่ได้มา  เพียงแต่เราต้องลืมตาอ้าใจออกมารับสิ่งใหม่ที่จะเข้ามา  อย่ามองปัญหาร้ายจนไม่เห็นแสงรำไรที่ส่องเข้ามาในช่วงชีวิต  การเริ่มต้นใหม่  สังคมใหม่  อาจทำให้เราพบกับสิ่งใหม่ๆ  ซึ่งถ้าใช้ชีวิตแบบเดิม  ชีวิตนี้อาจจะไม่พบก็ได้  ไหนๆก็ได้เริ่มต้นใหม่  คิดเสียว่าจะได้พบสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังเคลื่อนเข้ามา  เผชิญหน้ากับสิ่งดีและร้าย ที่กำลังดำเนินมา  จงเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ  แต่ทว่ามีศรัทธาว่าชีวิตจะดีกว่าเมื่อวาน
โดย : ศุราณี

อ่านตัวอย่างศุราณี เล่ม 5 

แสดงความเห็น